ชื่อ – นามสกุล : โอแลมป์ มักซีม (Olympe Maxime)
วัน เดือน ปีเกิด : วันและเดือนไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัด
ลักษณะทางกายภาพ : แม่มดรูปร่างสูงใหญ่ คาดว่าเธอน่าจะสูงราว 11 ฟุต 5 นิ้ว มีผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีน้ำมันมะกอก มักสวมใส่ชุดที่ทำจากผ้าแพร
สถานะทางเลือด : ลูกครึ่งยักษ์ (Half-giant)
ไม้กายสิทธิ์ : ไม่ปรากฏข้อมูล
อาชีพ : อาจารย์ใหญ่วิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง
มาดาม โอแลมป์ มักซีม (Madame Olympe Maxime) แม่มดชาวฝรั่งเศส จบการศึกษาจาก วิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนเวทมนตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส ต่อมาในภายหลัง เธอได้ขึ้นดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตงเช่นกัน มาดาม มักซีม มีเชื้อสายเลือดยักษ์ผสมอยู่ครึ่งหนึ่ง (ไม่ปรากฎข้อมูลว่าได้รับสายเลือดยักษ์มาจากพ่อหรือแม่) แต่เธอจะพยายามจะหลีกเลี่ยงความจริงข้อนี้ และอ้างว่าเธอเพียงแค่มีกระดูกที่ใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอต้องเบี่ยงบ่ายที่จะยอมรับเป็นเพราะ ยักษ์ หรือ ลูกครึ่งยักษ์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมผู้วิเศษมากนัก เนื่องจากแนวคิดที่คนทั่วไปเชื่อว่าพวกยักษ์มักไม่เป็นมิตร และเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ในเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 1994 มาดามมักซีม และนักเรียนบางส่วนจากวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพครั้งที่ 422 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ แต่ทว่าหลังจากตรามารปรากฎขึ้นบนฟ้า มาดามมักซีมกับนักเรียนจึงถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่นักเรียนจะตามหาเธอและได้สอบถามเบาะแสอาจารย์ใหญ่ของพวกเขากับ รอน วีสลีย์ ที่พบเจอโดยบังเอิญ ทว่ารอนไม่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ จึงทำให้เขาไม่เข้าใจคำถามของพวกเธอ ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน มาดามมักซีม นำเหล่าลูกศิษย์จากวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี ที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์เป็นเจ้าภาพ ณ ที่นั่น เธอได้สร้างความประทับใจให้กับ รูเบอัส แฮกริด ไม่น้อย อันเป็นจุดเริ่มต้นทำให้แฮกริดนั้นพยายามเอาชนะใจเธอ เริ่มจากการแต่งตัวให้ดูดีขึ้น การใส่ชุดที่ไม่เคยใส่ จนไปถึงการพาเธอไปดูสิ่งที่ควรจะเก็บเป็นความลับอย่าง มังกรที่ใช้สำหรับแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี แต่ทว่าความพยายามของเขานั้น กลับไม่สามารถมัดใจเธอได้ อย่างไรก็ตาม ในงานเต้นรำคืนวันคริสต์มาส มาดามมักซีมเลือกที่จะเป็นคู่เต้นรำกับแฮกริดจนจบงาน
ระหว่างช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1995 เธอกับแฮกริดได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในฐานะทูตเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ แฮกริดได้กล่าวชมถึงการออกเสียงร่ายคาถาของมาดามมักซีม ว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยม สุดท้ายเธอกับเขาก็ต้องแยกจากกันอีกครั้ง เมื่อแฮกริดไม่สามารถทิ้งน้องชายต่างพ่อของเขาอย่าง กรอปว์ ไว้คนเดียวได้ ทำให้การเดินทางกลับวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตงของมาดามมักซีม ต้องเป็นการเดินทางโดยลำพัง
หลังจากนั้นเพียงสองปีเศษ ในปี ค.ศ. 1997 มาดามมักซีมได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เพื่อเคารพศพของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ภายในงานเธอและแฮกริดต่างปลอบประโลมซึ่งกันและกัน หลังจากทั้งคู่ได้เสียอีกบุคคลอันเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนไป ในปีเดียวกันมาดามมักซีมยังได้เข้าร่วมพิธีแต่งงานของ เฟลอร์ อิซาแบล เดอลากูร์ กับสามี บิล วีสลีย์ ในฐานะอดีตลูกศิษย์จากวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง ชีวิตภายหลังสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สองของเธอนั้น ไม่ได้ปรากฏข้อมูลแต่อย่างใด เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเธอและแฮกริด แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้แต่งงาน
มาดามมักซีมนั้นมีทักษะในการต่อสู้และการใช้คาถาในระดับที่เยี่ยม ไม่เพียงแต่การใช้คาถา แต่ด้วยความสามารถพิเศษที่ได้รับสืบทอดมาทางสายเลือด จากบรรพบุรุษยักษ์ มาดามมักซีมจึงสามารถต้านคาถาได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้แล้วเธอยังมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษค่อนข้างดี เพราะเธอเป็นผู้ขยายพันธุ์ม้าอะบราซัน (Abraxan) ม้ามีปีกชนิดหนึ่ง